ดร.ศุภชัย ตันติคมน์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร หมายเลข 10 ได้ลงพื้นที่หาเสียงย่านสยามสแควร์ แยกราชประสงค์ แยกเพลินจิต แยกอโศก และถนนสุขุมวิท ที่ตั้งของสถาบันการศึกษา ห้างสรรพสินค้า โรงแรมและอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ เพื่อรับฟังปัญหาของกลุ่มคนรุ่นใหม่ คนทำงานใจกลางเมือง พร้อมเสนอแนวทางแก้ไขปัญหารถติด และปัญหาฝุ่น PM 2.5 ให้คนกรุงเทพฯ
ดร.ศุภชัย ได้พูดถึงปัญหาฝุ่นละลอง PM 2.5 ที่ทำลายสุขภาพคนกรุงเทพฯ ว่า สาเหตุหลักมาจากการจราจรติดขัด การเผาไหม้ไอเสียรถยนต์ที่มีปริมาณหนาแน่น ทำให้เกิดผุ่นละออง PM 2.5 ถึง 70% ถ้าคนกรุงเทพฯ ได้รับ PM 2.5 เกิน 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรใน 24 ชั่วโมง สะสมไปทุกวันจะมีผลระยะยาว ทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง
วันนี้ได้มาลงพื้นที่ถนนพระราม 1 ถนนเพลินจิต ต่อไปสุขุมวิท ซึ่งเป็นพื้นที่รถติดอันดับต้นๆ ของ กทม. ทั้งแยกปทุมวัน แยกราชประสงค์ แยกเพลินจิต แยกอโศก และตลอดสุขุมวิท ที่ประชาชนคนทำงานต้องเดินทาง พบว่ายังไม่มีมาตรการลดปริมาณฝุ่นอันตราย PM 2.5 อย่างจริงจัง ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 10 บอกว่าจะตั้งศูนย์บัญชาการกำจัดฝุ่นที่เรียกว่า BANGKOK BRIGHT CENTER เพื่อทำให้อากาศใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ดีขึ้น โดยติดตั้งระบบเซ็นเซอร์ตรวจวัดปริมาณฝุ่นอัตโนมัติให้มากขึ้น ถี่ขึ้น ครอบคลุมพื้นที่ชั้นในกรุงเทพฯ ที่มีการจราจรติดขัด ปัจจุบันเครื่องตรวจวัดจับฝุ่นยังไม่เพียงพอ ยกตัวอย่างถนนพระราม 1 ย่านห้างสรรพสินค้า สำนักงาน และใต้สถานีรถไฟฟ้านี้อยู่ในเขตปทุมวัน ถนนพระราม 1 ยังไม่มีเครื่องตรวจวัดเพราะทั้งเขตปทุมวันมีเพียง 2 เครื่อง อยู่ริมถนนพระราม 4 เป็นต้น
และเมื่อมีเครื่องตรวจวัดติดตั้งครอบคลุมทุกพื้นที่รถติดหนัก ตัวเซ็นเซอร์จะตรวจจับจุดกำเนิดและปริมาณฝุ่น จะส่งสัญญาณแบบเรียลไทม์ ไปยังศูนย์บัญชาการพร้อมระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อประมวลผลผ่านแอพพลิเคชั่น ทั้ง BANGKOK AIR QUALIY และ AIR FOR THAI คนกรุงเทพฯ สามารถตรวจสอบปริมาณฝุ่น PM 2.5 ก่อนการเดินทางเข้าไปในพื้นที่ ทำให้หลีกเลี่ยงเส้นทางฝุ่นอันตราย และลดปริมาณรถยนต์ที่จะเข้าไปในพื้นที่แออัดได้
ทั้งนี้ ดร.ศภชัย ยังจะออกมาตรการจำกัดรถเข้าพื้นที่จราจรแออัดบางช่วงเวลา รณรงค์ให้คนใช้รถไฟฟ้า BTS-MRT ใช้รถไฟฟ้า EV ขนาดเล็กเข้าตามถนนย่อย ตรอกซอย และแก้ไขปัญหารถติดระยะยาวด้วยการเปลี่ยนสัญญาไฟจราจร เป็นระบบอัจฉริยะ AI จะทำให้รถที่วิ่งบนถนนกรุงเทพฯ ชั้นในมีการเคลื่อนตัวได้รวดเร็วกว่าปัจจุบัน